เลนส์เป็นวัตถุโปร่งใส ที่เป็นตัวกลางของแสง เมื่อแสงเคลื่อนที่ผ่านเลนส์จะเกิดการหักเห ถ้าวางวัตถุไว้หน้าเลนส์นูน และแสงจากวัตถุหักเหผ่านเลนส์ จะทำให้เกิดภาพได้ทั้งภาพจริงและภาพเสมือน โดยภาพจริงจะมีขนาดเล็กกว่าวัตถุ ขนาดเท่ากับวัตถุ หรือขนาดใหญ่กว่าวัตถุได้ ส่วนภาพเสมือนจะมีขนาดใหญ่กว่าวัตถุ ถ้าวางวัตถุไว้หน้าเลนส์เว้าและแสงจากวัตถุหักเหผ่านเลนส์ จะทำให้เกิดภาพเสมือนที่มีขนาดเล็กกว่าวัตถุ
ด้านความรู้
- อธิบายการเคลื่อนที่ของแสงและการเกิดภาพจากเลนส์นูนและเลนส์เว้า
- เขียนแผนภาพแสดงการเคลื่อนที่ของแสงและการเกิดภาพผ่านเลนส์นูนและเลนส์เว้า
ด้านทักษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
- การสังเกต การหักเหของแสงเมื่อแสงเดินทางผ่านเลนส์นูนและเลนส์เว้า ลักษณะของภาพที่เกิดขึ้นเมื่อมองผ่านเลนส์นูนและเลนส์เว้า
- การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป โดยแปลความหมายข้อมูลจากการทำกิจกรรม และลงข้อสรุปเกี่ยวกับการหักเหของแสงผ่านเลนส์ และการเขียนแผนภาพการเคลื่อนที่ของแสงแสดงการเกิดภาพเนื่องจากการหักเหของแสงผ่านเลนส์
- การสร้างแบบจำลอง โดยเขียนแผนภาพแสดงการเกิดภาพเมื่อแสงเคลื่อนที่ผ่านเลนส์ เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ของการหักเหของแสงผ่านเลนส์ ระยะวัตถุ ระยะภาพ และลักษณะของภาพจากเลนส์นูนและเลนส์เว้า
ด้านจิตวิทยาศาสตร์
- วัตถุวิสัย โดยแปลความหมายข้อมูลสอดคล้องกับหลักฐานอย่างเที่ยงตรง
- ความอยากรู้อยากเห็น โดยกระตือรือร้นในการสืบเสาะหาความรู้ตามที่สงสัยในการทำกิจกรรม
- ความมุ่งมั่นอดทน โดยตั้งใจและรับผิดชอบในการทำกิจกรรมเพื่อให้ได้หลักฐานนำไปสู่การอธิบาย ลงข้อสรุป และทำให้งานสำเร็จ
ด้านสมรรถนะที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรียน
- การอธิบายปรากฎการณ์ในเชิงวิทยาศาสตร์ โดยสร้างคำอธิบายเกี่ยวกับการเกิดภาพเมื่อแสงหักเหผ่านเลนส์ จากความสัมพันธ์ระหว่างเลนส์ ระยะวัตถุ ระยะภาพ และลักษณะภาพ นำไปใช้อธิบายปรากฎการณ์ที่กำหนด
- การแปลความหมายข้อมูลและใช้ประจักษ์พยานในเชิงวิทยาศาสตร์ โดยวิเคราะห์และแปลความหมายข้อมูลจากผลการทำกิจกรรม และลงข้อสรุปเกี่ยวกับการเกิดภาพเนื่องจากแสงหักเหผ่านเลนส์ และการเขียนแผนภาพการเคลื่อนที่ของแสงเพื่อแสดงตำแหน่งและลักษณะของภาพจากเลนส์
วิธีการ
1. การตอบคำถามในใบงานเกี่ยวกับการเคล่ื่อนที่ของแสงและการเกิดภาพจากเลนส์นูนและเลนส์เว้าอย่างถูกต้อง
2. การตอบคำถามในใบงานเกี่ยวกับการเขียนแผนภาพการเคลื่อนที่ของแสงแสดงการเกิดภาพจากเลนส์นูนและเลนส์เว้าอย่างถูกต้อง
3. การสังเกต การบันทึกผลกิจกรรม มีความละเอียดรอบคอบและไม่ใส่แนวคิดผู้สังเกต เกี่ยวกับการเคล่ื่อนที่ของแสงผ่านเลนส์และการเกิดภาพจากเลนส์นูนและเลนส์เว้า
4. การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป จากการบันทึกผลกิจกรรมและการตอบคำถามในใบงาน โดยแปลความหมายและสรุปความสัมพันธ์ระหว่างการเคลื่อนที่ของแสงผ่านเลนส์ การเกิดภาพ ตำแหน่งภาพ และลักษณะของภาพ
5. การสร้างแบบจำลอง จากการบันทึกผล การตอบคำถาม และการทำแบบฝึกหัดในใบงาน โดยใช้การเขียนแผนภาพแสดงการเคลื่อนที่ของแสง การหักเหของแสง ตำแหน่งภาพ และลักษณะภาพ เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ของการเกิดภาพกับเลนส์นูนและเลนส์เว้าให้เข้าใจได้ง่ายและถูกต้อง
6. วัตถุวิสัย จากการบันทึกผลและการตอบคำถามในใบงานที่สะท้อนความสอดคล้องของหลักฐานและการแปลความหมายที่เที่ยงตรง
7. ความอยากรู้อยากเห็น จากการสังเกตพฤติกรรมที่แสดงความกระตือรือร้นอยากรู้อยากเห็นในการทำงานและผลของทำกิจกรรม
8. ความมุ่งมั่นอดทน จากการสังเกตพฤติกรรมที่แสดงความมุ่งมั่นอดทนเพื่อทำงานระหว่างทำกิจกรรม และทำให้งานประสบความสำเร็จ
9. การอธิบายปรากฎการณ์ในเชิงวิทยาศาสตร์ จากการบันทึกผลการทำกิจกรรม สร้างคำอธิบายเกี่ยวกับการการเกิดภาพจากเลนส์นูนและเลนส์เว้าได้ถูกต้อง
10. การแปลความหมายข้อมูลและการใช้ประจักษ์พยานในเชิงวิทยาศาสตร์ จากการตอบคำถามในใบงาน วิเคราะห์และแปลความหมายข้อมูลผลการทำกิจกรรม และลงข้อสรุปเกี่ยวกับการเกิดภาพเนื่องจากการหักเหของแสงผ่านเลนส์ และการเขียนแผนภาพการเคลื่อนที่ของแสงแสดงตำแหน่งภาพและลักษณะของภาพจากเลนส์ ที่สะท้อนความสัมพันธ์ของข้อมูลและหลักฐาน
เครื่องมือ
1. ใบงานที่ 3 การเกิดภาพจากการหักเหของแสงผ่านเลนส์เป็นอย่างไร